วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Lecture13 (9/02/2011)

การรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศและจรรยาบรรณเบื้องต้น

ความหมายของความเสี่ยงของระบบสารสนเทศ
ความเสี่ยงของระบบสารสนเทศ (Information system risk) หมายถึง เหตุการณ์หรือการกระทำใดๆ ที่ก่อให้เกิดการสูญเสียหรือทำลายฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) ข้อมูล สารสนเทศ หรือความสามารถในการประมวลผลข้อมูลของระบบ
ประเภทของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของระบบสารสนเทศ
-          แฮกเกอร์ (Hacker) -- คือบุคคลใดก็ตามที่พยายามเจาะเข้าไปในระบบสารสนเทศอย่างผิดกฏหมาย แบบแคบ แฮกเกอร์คือบุคคลที่ใช้ทักษะหรือความสามารถที่สูงทางคอมพิวเตอร์เพื่อเจาะเข้าไปในระบบสารสนเทศของผู้อื่น แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย แต่แฮกเกอร์เชื่อว่าการกระทำดังกล่าวยอมรับได้ เพราะมีวัตถุประสงค์ในการแสดงให้เจ้าของระบบสารสนเทศทราบช่องโหว่ของการรักษาความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ โดยแฮกเกอร์พวกนี้เรียกตนเองว่า แฮกเกอร์ที่มีจรรยาบรรณ (Ethical hackers)
-          แครกเกอร์ (Cracker) --  บุคคลที่ทำอันตรายต่อการรักษาความปลอดภัยของระบบสารสนเทศโดยมีวัตถุประสงค์ร้าย โดยแครกเกอร์จะเป็นผู้ที่มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์อย่างมากเช่นเดียวกับแฮกเกอร์ ต่างกันที่แครกเกอร์จะทำลายข้อมูลและทำให้ระบบสารสนเทศและเครือข่ายของกิจการมีปัญหาอย่างมาก
-          ผู้ก่อให้เกิดภัยมือใหม่ (Script Kiddies) -- เป็นบุคคลที่มีเป้าหมายเช่นเดียวกับแครกเกอร์คือทำลายระบบ แต่มักไม่มีทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์มากนัก ส่วนมากจะทำการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการเจาะระบบจากเว็บ มือใหม่เป็นบุคคลที่อาจก่อให้เกิดภัยกับกิจการอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากบุคคลพวกนี้มักเป็นคนที่มีอายุน้อยซึ่งมีเวลาอย่างไม่จำกัด
-          ผู้สอดแนม (Spies) -- เป็นบุคคลที่ถูกจ้างเพื่อเจาะระบบสารสนเทศและขโมยข้อมูล มักมีทักษะทางคอมพิวเตอร์สูง โดยมีเป้าหมายของระบบที่ต้องการเจาะอย่างชัดเจน ไม่ไร้จุดหมายเหมือนผู้ก่อให้เกิดภัยมือใหม่
-          เจ้าหน้าที่ขององค์กร (Employees) -- เป็นภัยคุกคามที่มีจำนวนมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่จะเจาะเข้าไปในระบบสารสนเทศของกิจการของตนโดยมีเหตุผลเพื่อแสดงให้เห็นว่าระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กรมีจุดอ่อน
-          ผู้ก่อการร้ายทางคอมพิวเตอร์ (Cyberterrorist) -- เมื่อไม่สามารถทำสงครามด้วยอาวุธได้ จึงเปลี่ยนเป็นโจมตีทางด้านคอมพิวเตอร์แทน เช่นการปล่อยข่าว กล่าวหา สร้างข้อมูลปลอมขึ้นมา เพื่อให้คนเชื่อ โดยผู้ก่อการร้ายจะใช้ความเชื่อของตนเองในการปรับเปลี่ยนข้อมูลสารสนเทศ หรือการทำให้ระบบสารสนเทศ ปฏิเสธการให้บริการกับผู้ใช้ที่มีสิทธิในการใช้ระบบอย่างถูกต้อง หรือเจาะเข้าไปในระบบเพื่อทำให้ข้อมูลเสียหายอย่างมาก ผู้ก่อการร้ายทางคอมพิวเตอร์เป็นนักเจาระบบที่น่ากลัวมากที่สุดในจำนวนนักเจาะระบบ มีทักษะทางคอมพิวเตอร์ที่สูงมาก นอกจากนี้ยังเป็นการยากที่จะทำนายว่าจะโจมตีจะเกิดเวลาไหนและที่ใด โจมตีในรูปแบบใหม่อย่างอย่างฉับพลันและรวดเร็ว
ประเภทของความเสี่ยงของระบบสารสนเทศ
-          การโจมตีระบบเครือข่าย (Network attack)
-          การโจมตีขั้นพื้นฐาน (Basic Attacks)  เช่น กลลวงทางสังคม (Social engineering) – เช่น การแชร์พาสเวิร์ดอีเมล์ของบุคคลอื่น และการรื้อค้นเอกสารทางคอมพิวเตอร์จากที่ทิ้งขยะ (Dumpster Diving )
-          การโจมตีด้านคุณลักษณะ (Identity Attacks) เช่น DNS Spoofing – เช่น การส่งไวรัสจากเครื่องของเราไปให้คนอื่น โดยที่ปลอมแปลงเลข IP address เป็นของเรา และ e-mail spoofing  -- เช่น การส่งไวรัสจากอีเมล์ ส่งอีเมล์ที่เราไม่ต้องการ
-          การปฏิเสธการให้บริการ (Denial of Service หรือ DoS) เช่น Distributed denial-of-service (DDoS)  การเข้าเว็บไซต์ที่มีไวรัสมัลแวร์ ทำให้คอมพิวเตอร์เราส่ง request โดยที่เราไม่รู้ตัว, DoSHTTP (HTTP Flood Denial of Service) ตัวอย่างเช่น การส่งสัญญาณ request จากเครื่องคอมพิวเตอร์หลายล้าน ๆ ครั้ง ทำให้เว็บไซต์ล่ม
-          การโจมตีด้วยมัลแวร์ (Malware)
-          โปรแกรมมุ่งร้ายที่โจมตีการปฏิบัติงานของคอมพิวเตอร์ (Computer’s operations) ประกอบด้วย ไวรัส (Viruses) เวิร์ม (Worms) โทรจันฮอร์ส (Trojan horse) และลอจิกบอมบ์ (Logic bombs)
-          โปรแกรมมุ่งร้ายที่โจมตีความเป็นส่วนตัวของสารสนเทศ (Information privacy) ที่มีชื่อเรียกทั่วไปว่า สปายแวร์ (Spyware) ประกอบด้วย แอดแวร์ (Adware), พิชชิง (Phishing), คีลอกเกอะ (Keyloggers) สำหรับ track คีย์บอร์ดมีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์, การเปลี่ยนการปรับแต่งระบบ (Configuration Changers), การต่อหมายเลข (Dialers), และ แบ็คดอร์ (Backdoors)
-          การเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต (Unauthorized access) หมายถึงการใช้คอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยไม่มีสิทธิ ซึ่งส่วนมากจะเป็นการใช้คอมพิวเตอร์หรือข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อทำกิจกรรมบางอย่างที่ผิดกฏระเบียบของกิจการหรือการกระทำที่ผิดกฏหมาย เช่น
-          การขโมย (Theft)
-          การขโมยฮาร์ดแวร์และการทำลายฮาร์ดแวร์มักอยู่รูปของการตัดสายเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
-          ขโมยซอฟต์แวร์อาจอยู่ในรูปของการขโมยสื่อจัดเก็บซอฟต์แวร์ การลบโปรแกรมโดยตั้งใจ และการทำสำเนาโปรแกรมอย่างผิดกฏหมาย
-          การขโมยสารสนเทศ มักอยู่ในรูปของการขโมยข้อมูลที่เป็นความลับส่วนบุคคล
-          ความล้มเหลวของระบบสารสนเทศ (System failure)
-          เสียง (Noise)
-          แรงดันไฟฟ้าต่ำ (Undervoltages)
-          แรงดันไฟฟ้าสูง (overvoltages)
การรักษาความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ
-          การรักษาความปลอดภัยการโจมตีระบบเครือข่าย
-          ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสและปรับปรุง Virus signature หรือ Virus definition และต้องอัพเดตตลอดเวลา
-          ติดตั้งไฟร์วอลล์ (Firewall) – ซอหต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่คอยกั้นไม่ให้สิ่งไม่ดีเข้ามาในองค์กร เพื่อควบคุมไม่ให้บุคคลภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้ามาในระบบเครือข่าย ป้องกันการส่งข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุมัติจากภายในหน่วยธุรกิจออกไปสู่อินเทอร์เน็ตด้วย
-          ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจจับการบุกรุก (Intrusion detection software) – ตรวจสอบว่าใครเข้ามาใช้ระบบบ้าง มีคนภายในเท่าไหร่ และภายนอกเท่าไหร่ หรือบางเว็บอาจอนุญาตให้เข้าเฉพาะคนในองค์กรเท่านั้น
-          ติดตั้ง Honeypot -- ระบบที่ติดตั้งให้เหมือนระบบจริงแต่แยกออกมาจากระบบที่กิจการใช้งานอยู่ กิจการ Web hosting ขนาดใหญ่ เช่น Yahoo และ AT&T เป็นระบบหลอก ๆ ที่สร้างขึ้นมาป้องกันระบบจริง
-          การควบคุมการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต
-          การระบุตัวตน (Identification)
-          การพิสูจน์ตัวจริง (Authentication) เช่น รหัสผ่าน (Password)
-          ข้อมูลที่ทราบเฉพาะบุคคลที่เป็นเจ้าของ (What you know)
-          ใช้บัตรผ่านที่มีลักษณะเป็นบัตรประจำตัว (What you have) เช่น บัตร ATM เป็นต้น
-          ลักษณะทางกายภาพของบุคคล หรือ Biometric (What you are) เช่น ม่านตา เป็นต้น
-          การควบคุมการขโมย
-          ควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพ (Physical access control) เช่น การปิดห้องและหน้าต่าง เป็นต้น
-          กิจการบางแห่งนำระบบ Real time location system (RTLS) มาใช้เพื่อระบุสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงโดยนำ RFID tags ติดที่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการติดตามอุปกรณ์นั้นๆ
-          ปัจจุบันมีการออกแบบเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สามารถควบคุมการเปิดเครื่องและการเข้าใช้งานเครื่องด้วยการใช้ลักษณะทางกายภาพของบุคคล เช่น ลายนิ้วมือ การแสกกนม่านตา เป็นต้น
-          การรักษาความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ทำโดยเก็บรักษาแผ่นซอฟต์แวร์ในสถานที่มีการรักษาความปลอดภัย
-          ในกรณีที่มีโปรแกรมเมอร์ลาออกหรือถูกให้ออก ต้องควบคุมและติดตามโปรแกรมเมอร์ทันที (Escort)
-          การเข้ารหัส คือกระบวนการในการแปลงหรือเข้ารหัสข้อมูลที่อยู่ในรูปที่คนทั่วไปสามารถอ่านได้ (Plaintext) ให้อยู่ในรูปที่เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นสามารถอ่านข้อมูลได้ (Ciphertext) เช่น Plaintext =I am a boy เมื่อแปลงเป็น Ciphertext = L dp d erb โดยลำดับมีความสัมพันธ์กัน เชิงคณิตศาสตร์
-          องค์ประกอบของการเข้ารหัส
-          Plaintext
-          Algorithm
-          Secure key
-          ประเภทของการเข้ารหัส
-          การเข้ารหัสแบบสมมาตร >> ผู้ส่งและผู้รับจะมีคีย์ลับเหมือนกันที่ใช้ในการเปิด ใช้ในวงแคบ ๆ
-          การเข้ารหัสแบบไม่สมมาตร >> ผู้ส่งคีย์สาธารณะและส่วนผู้รับจะใช้คีย์ส่วนตัวในการเปิด เช่นการติดต่อระหว่าง Amazon กับลูกค้า
-          การรักษาความปลอดภัยอื่นๆ 
-          Secure sockets layer (SSL) โดยเว็บเพจที่ใช้ SSL จะขึ้นต้นด้วย https แทนที่จะเป็น http
-          Secure HTTP (S-HTTP) เช่น ระบบธนาคารออนไลน์จะใช้ S-HTTP เกิดการเปลี่ยนแปลงชื่อของ URL จาก http:// เป็น https://  คือเปลี่ยนจาก Internet เป็น Intranet
-          Virtual private network (VPN) อนุญาตให้เฉพาะคนภายในใช้เท่านั้น เช่น วารสารออนไลน์ของคณะ
-          การควบคุมความล้มเหลวของระบบสารสนเทศ
-          การป้องกันแรงดันไฟฟ้าใช้ Surge protector หรือ Surge suppressor
-          ไฟฟ้าดับใช้ Uninterruptible power supply (UPS)
-          กรณีระบบสารสนเทศถูกทำลายจนไม่สามารถให้บริการได้ การควบคุมทำโดยการจัดทำแผนการทำให้กลับคืนสู่สภาพเดิมจากภัยพิบัติ (Disaster Recovery – DR) หรือ Business continuity planning (BCP) มีหน่วยสำรองเมื่อเกิดข้อผิดพลาด
-          การสำรองข้อมูล (Data Backup)  สิ่งที่ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการสำรองข้อมูลประกอบด้วย
-          เลือกสื่อบันทึก (Media) ที่จะทำการสำรองข้อมูล เช่น CD DVD หรือ Portable Harddisk เป็นต้น
-          ระยะเวลาที่ต้องสำรองข้อมูล
-          ความถี่ในการสำรองข้อมูล ขึ้นอยู่กับระยะเวลาสูงสุดที่ระบบจะไม่สามารถให้บริการได้โดยไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานปกติขององค์กร
-          สถานที่จัดเก็บสื่อบันทึกที่สำรองข้อมูล ซึ่งสามารถจัดเก็บ On Site หรือ Offsite ซึ่งแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป
-          การรักษาความปลอดภัยของแลนไร้สาย (Wireless LAN)
-          ควบคุมการเชื่อมโยงเข้าสู่แลนไร้สายด้วย Service Set Identifier (SSID)
-          กลั่นกรองผู้ใช้งานด้วยการกรองหมายเลขการ์ดเน็ตเวิร์ก (MAC Addressing Filtering)
-          การเข้ารหัสและถอดรหัสด้วยวิธีการ Wired Equivalency Privacy (WEP)
-          จำกัดขอบเขตพื้นที่ให้บริการด้วยการควบคุมกำลังส่งของแอ็กเซสพอยน์
-          การพิสูจน์สิทธิเข้าใช้งานแลนไร้สายด้วย Radius Server (ไม่กล่าวในรายละเอียด)
-          การสร้าง Virtual Private Network (VPN) บนแลนไร้สาย (ไม่กล่าวในรายละเอียด)
จรรยาบรรณ
จรรยาบรรณทางคอมพิวเตอร์ คือหลักปฏิบัติที่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกผิดชอบเกี่ยวกับการใช้ระบบสารสนเทศ ซึ่งประกอบด้วย
-          การใช้คอมพิวเตอร์และเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
-          การขโมยซอฟต์แวร์ (การละเมิดลิขสิทธิ์)
-          ความถูกต้องของสารสนเทศ เช่น การตกแต่งรูปภาพ เป็นต้น
-          สิทธิ์ต่อทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual property rights)
-          หลักปฏิบัติ (Code of conduct)
-          ความเป็นส่วนตัวของสารสนเทศ (Information privacy)
-          หลักปฏิบัติ คือสิ่งที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจว่าการกระทำใดที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่มีหรือไม่มีจรรยาบรรณ หลักปฏิบัติมีดังนี้
-          ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำอันตรายบุคคลอื่น
-          ต้องไม่รบกวนการทำงานทางคอมพิวเตอร์ของคนอื่น
-          ต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแฟ้มข้อมูลของคนอื่น
-          ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ในการขโมย
-          ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อให้หลักฐานที่เป็นเท็จ
-          ต้องไม่สำเนาหรือใช้ซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์
-          ต้องไม่ใช้ทรัพยากรทางคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
-          ต้องไม่ใช้ทรัพสินทางปัญญาของผู้อื่นเหมือนเป็นของตน
-          ต้องคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมของโปรแกรมที่ออกแบบ
-          ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในทางที่แสดงให้เห็นถึงความเคารพในมนุษย์แต่ละคน
-          ความเป็นส่วนตัวของสารสนเทศ  มีหลักปฏิบัติดังนี้
-          ให้เฉพาะข้อมูลที่จำเป็นเท่านั้นในการกรอกข้อมูลใบลงทะเบียน ใบรับประกัน และอื่นๆ
-          ไม่พิมพ์เบอร์โทรศัพท์ เลขที่บัตรประชาชน บนเช็ค ล่วงหน้า (Preprint)
-          แจ้งองค์การโทรศัพท์ไม่ให้พิมพ์หมายเลขโทรศัพท์ของท่านลงใบสมุดโทรศัพท์
-          ถ้าหมายเลขโทรศัพท์ของท่านอยู่ในพื้นที่ๆ สามารถแสดงหมายเลขโทรศัพท์ที่เครื่องของผู้รับได้ ให้ท่านระงับการแสดงหมายเลขโทรศัพท์ที่เครื่องของผู้รับด้วย
-          ไม่ควรเขียนหมายเลขโทรศัพท์ของท่านบนในบิลของบัตรเครดิต
-          ซื้อสินค้าด้วยเงินสด แทนที่จะเป็นบัตรเครดิต
-          ถ้าร้านค้าสอบถามข้อมูลส่วนตัวของท่าน ให้หาเหตุผลว่าทำไมจึงถามคำถามนั้นก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะให้หรือไม่ให้ข้อมูล
-          กรอกข้อมูลส่วนตัวของท่านบนเว็บเฉพาะส่วนที่ต้องกรอกเท่านั้น
-          ติดตั้งตัวจัดการ Cookie เพื่อกลั่นกรอง Cookie
-          ลบ History file ภายหลังจากเลิกใช้โปรแกรมเบาวร์เซอร์
-          ยกเลิกการเปิดบริการแบ่งปันข้อมูล (File sharing) หรือเครื่องพิมพ์ก่อนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
-          ติดตั้งไฟร์วอลล์ส่วนบุคคล
-          ติดตั้งโปรแกรม Anti-spam
-          ไม่ตอบ e-mail ที่เป็น spam ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
-          Cookie คือ Text file ขนาดเล็กที่เครื่อง Web server นำมาติดตั้งที่เครื่องคอมพิวเตอร์ (ฮาร์ดดิสก์) ของผู้เรียกเว็บไซด์นั้นๆ โดย Cookie จะมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้ ประกอบด้วย ชื่อหรือเว็บไซด์ที่ชอบเข้า เมื่อผู้ใช้ติดต่อกับเว็บไซด์ โปรแกรมเบาวร์เซอร์จะจัดส่งข้อมูลใน Cookie ไปยังเว็บไซด์
-          กฏหมายเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของสารสนเทศ เช่น Privacy Act และ Family Educational Rights and Privacy Act เป็นต้น โดยกฏหมายนี้ส่วนใหญ่จะกล่าวถึง
-          จำนวนของสารสนเทศที่จัดเก็บจะต้องจัดเก็บเท่าที่จำเป็นเพื่อการดำเนินงานของธุรกิจหรือรัฐบาลเท่านั้น
-          จำกัดการเข้าถึงข้อมูลที่รวบรวมนั้น โดยให้พนักงานที่เกี่ยวข้องและจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเพื่อการปฏิบัติงานสามารถใช้ข้อมูลนั้นได้เท่านั้น
-          แจ้งให้ผู้ที่ถูกจัดเก็บข้อมูลทราบว่ากำลังจัดเก็บข้อมูลอยู่ เพื่อให้บุคคลนั้นมีโอกาสในการพิจารณาความถูกต้องของข้อมูล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น