วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Lecture5 (7/12/2010)

Information Technology Economics

Technology and Economic Trends and the Productivity Paradox

Moore’s law – power of computer chip จะมีคุณภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ต้นทุนยังคงที่ ทำให้ในอนาคตกิจการจะมีโอกาสที่จะซื้อของดีในราคาถูก แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เทคโนโลยีถึงจุดอิ่มตัวหรือมีขีดจำกัด ไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้อีกดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีอื่นแทน
Q: เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ และสามารถนำมาใช้งานแทนคนได้ จะทำให้คนตกงานมากขึ้นหรือไม่
A: เทคโนโลยีมีส่วนทำให้คนตกงานบ้าง แต่สามารถแก้ได้โดยให้คนไปทำงานที่ต้องใช้ skill ทางด้านอื่นที่ IT ไม่สามารถทำแทนได้

·         Productivity Paradox

ผลิตผล (Productivity) คืออัตราส่วนระหว่างการวัดเอาต์พุตที่ได้กับอินพุต หรือคำนวณโดยเอาต์พุตหารด้วยอินพุต อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการลงทุนทางด้าน IT นั้นทำให้เพิ่มเอาต์พุตหรือลดอินพุตลง ดังนั้น ความไม่สอดรับกันระหว่างการวัดการลงทุนทางด้าน IT กับการวัดเอาต์พุตในระดับที่รับรู้กันทั่วไป เรียกว่า ข้อขัดแย้งเชิงผลิตผล (productivity paradox)
ตัวอย่างเช่น ผลประโยชน์ที่ได้จาก IT ถูกลดคุณค่าลงโดยความสูญเสียของแผนกต่าง ๆ หรือ การเพิ่มผลิตผลของ IT ถูกลดคุณค่าลงโดยผลของต้นทุนหรือความสูญเสียของ IT เอง
Productivity Paradox ยังคงมีความสำคัญหรือไม่
ผลของการนำ IT มาใช้ให้มองในระดับองค์กร ดูว่าสามารถที่จะเพิ่ม Productivity ขององค์กรได้หรือไม่ โดยผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ 
-          First order impact ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ได้จากการลงทุนด้าน IT โดยตรง เช่น ลดค่าขนส่ง ลดต้นทุนในการติดต่อสื่อสารภายในองค์กร ทำให้มีรายได้หรือผลกำไรเพิ่มขึ้น
-          Second order impact เป็นผลลัพธ์ทางอ้อมที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในด้าน IT เช่น มี market share เพิ่มขึ้น สามารถให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น


Evaluating IT Investment: Benefits, Costs, and Issues, and Traditional Methods

·         IT investment categories
การลงทุน เรามักแยกออกเป็น การลงทุนด้านโครงสร้าง (infrastructure) และ การลงทุนในด้านโปรแกรมประยุกต์เฉพาะทาง (Specific applications)
-          ด้านโครงสร้างของ IT ประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทางกายภาพ อุปกรณ์ต่าง ๆ การบริการต่าง ๆ และ การบริหารจัดการ
-          ด้าน IT applications ได้แก่ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ที่ถูกออกแบบให้สนับสนุน งานเฉพาะเรื่อง กระบวนการทางธุรกิจ หรือ ให้การสนับสนุนการใช้โปรแกรมประยุกต์โปรแกรมอื่น

·         Why justify IT Investment
                สาเหตุที่ทำให้การประเมินโครงการลงทุนทางด้าน IT เป็นเรื่องที่สำคัญ จำเป็นที่จะต้องมีการวิเคราะห์เพื่อความสอดคล้องและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รวมไปถึงการบริหารงาน ได้แก่
-          เนื่องจากการลงทุนใน IT มีต้นทุนที่สูง จึงไม่สามารถที่จะลงทุนได้ทุกโครงการ
-          ที่ผ่านมาไม่มีการประเมินโครงการ ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทไม่มีความชำนาญ เครื่องมือและกระบวนการที่เพียงพอในการคำนวณ ROI
-          เมื่อมีการใช้งาน IT ไปแล้วไม่มีการติดตามประเมินผลในภายหลัง
-          การนำระบบ IT มาใช้ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด
-          ผลสำเร็จจากการปรับใช้ IT สะท้อนผ่านผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นของคนในองค์กร

·         The IT Justification Process
-          ตั้งขอบเขตของการวิเคราะห์และจัดทำ ROI
-          สร้างตัววัด (metric) ที่มีประสิทธิภาพ
-          ใช้ cost-benefit ในการประเมิน
-          ประเมินผลออกมาเป็นตัวเลข ซึ่งรวมไปถึงการประเมินความเสี่ยงด้วย
-          พิจารณาว่าการใช้ IT สะท้อนและสอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กรหรือไม่
-          ไม่ควรประเมินต้นทุนที่เกิดขึ้นต่ำจนเกินไปหรือผลประโยชน์ที่สูงเกิดไป
-          ร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง vendor และ top management

·         Difficult in Measuring Productivity& Performance Gains
-          Incorrectly defining
-          time lag
-          การหาความสัมพันธ์ระหว่างเงินลงทุนและ performance ขององค์กรทำได้ยาก

·         Costing IT Investment
แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ
-          Fixed costs ต้นทุนที่คงที่ตลอดเวลาแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนระดับการ ดำเนินงาน ในกรณีของ IT นั้น ประกอบด้วย ต้นทุนเชิงโครงสร้างของการให้บริการจากฝ่าย IT
-          Transaction costs ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการ search, information, negotiation, decision, และ monitoring

·         Cost-Benefit Analysis
ดูว่าโครงการลงทุนคุ้มค่าหรือไม่ โดยเปรียบเทียบเงินที่ใช้ในการลงทุนกับผลประโยชน์ที่ได้รับ ซึ่งสามารถทำได้โดยการระบุ ประเมินค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ที่ได้ในรูปของตัวเงิน ในส่วนของ Intangible benefit ก็ต้องพยายามประเมินออกมาเป็นตัวเงินให้ได้เช่นกัน

·         Cost-Benefit Evaluation Techniques
-          Net Profit  สนใจแค่กำไรทั้งก้อน ละเลยเรื่องของสัดส่วนเงินลงทุนต่อผลกำไรและมูลค่าของเงินตามเวลา
-          Payback period  พิจารณาระยะเวลาของการคืนทุนเพียงอย่างเดียว ละเลยเรื่องของผลกำไร สัดส่วนเงินลงทุนต่อผลกำไรและมูลค่าของเงินตามเวลา
-          ROI  พิจารณาสัดส่วนของเงินลงทุนกับผลตอบแทนที่จะได้รับ แต่ละเลยในเรื่องของมูลค่าของเงิน
-          NPV  พิจารณาในส่วนของกระเเสเงิน ซึ่งเป็นการคำนึงมูลค่าของเงินตามเวลา อย่างไรก็ตามอาจมีปัญญาในเรื่องของการตัดสินใจใช้ discount rate ได้ ซึ่งทำให้การประเมินทำได้ยาก
-          IRR  เป็นการประเมินผลเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาในการเปรียบเทียบ NPV ระหว่างโครงการ การคำนวณ IRR ทำได้โดยหาจุดที่ทำให้ NPV เป็น 0

Advance Methods for Justifying IT Investment and Using IT Metrics

·         Advanced Methods for Justification IT Investment
                1) กรรมวิธีทางการเงิน (Financial (NPV & ROI methods) พิจารณาเฉพาะผลกระทบที่เกี่ยวกับทางด้านการเงินโดยมุ่งเน้นไปที่รายรับและรายจ่ายที่เกี่ยวกับเงินสดหมุนเวียน
                2) วิธีการประเมินหลายแนวทาง (Multicriteria Information economics and Value analysis) appraisal methods) พิจารณาทั้งผลกระทบทางการเงินและไม่ใช่การเงินที่ไม่สามารถอธิบายอยู่ในรูปของตัวเงินได้ดังนั้นวิธีการนี้ใช้เทคนิคการตัดสินใจในเชิงประมาณและคุณภาพ
                3) วิธีการใช้อัตราส่วน (Ratio (IT expenditures vs. total turnover) methods) ใช้ตัวเลขแบบอัตราส่วนช่วยวิเคราะห์การลงทุนทางด้าน IT 
                4) Portfolio methods ใช้ portfolios เพื่อพล็อตข้อเสนอต่าง ๆ เกี่ยวกับการลงทุนเทียบกับหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินใจ (decision-making criteria)

·         TCO
คือ สูตรในการคำนวณต้นทุนในการเป็นเจ้าของ (cost of owning) การดำเนินงาน (operating) และ การควบคุม (controlling) ระบบ IT ระบบหนึ่ง (หมายความว่าไม่ได้มองแค่ต้นทุนที่ซื้อมาเพียงอย่างเดียว)  ประกอบด้วย
-          ต้นทุนด้านการจัดหา (hardware and software)
-          ต้นทุนด้านการปฏิบัติงาน (maintenance, training, operations, …)
-          ต้นทุนด้านการควบคุม (standardization, security, central services)
·         Balance Scorecard Method
                เป็นการวิเคราะห์ภาพรวมของ overall health ขององค์กรและโครงการต่าง ๆ มันเป็นการแสดงว่าผู้บริหารไม่ได้มองแค่ผลทางด้านการเงินระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังมองครอบคลุมที่ 4 ด้านคือ
-          ทางการเงิน รวมถึงการวัดแบบระยะสั้นและระยะยาว
-          ลูกค้า (ลูกค้ามององค์กรของเราอย่างไร)
-          กระบวนการธุรกิจภายใน (ค้นหาพื้นที่ที่ดีเลิศ)
-          การเรียนรู้และการเติบโต (ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงและขยายตัว)

·         E- Procurement Metricsเป็นการจัดซื้อจัดจ้างผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ระยะเวลาในการสั่งซื้อสินค้าลดลง
·         E-Commerceเป็น web base system มีไว้สำหรับสนับสนุนกลยุทธ์ขององค์กร
·         Where costs of IT investment go?
-          ให้ต้นทุนทั้งหมดเป็น overhead
-          Chargeback เช่น คิดตามระยะเวลาการใช้งาน
·         Management Issues
-          การเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของเทคโนโลยี
-          ต้องมองทั้ง tangible และ intangible benefit
-          ต้องมีการวัดผลสม่ำเสมอ
-          มีการประเมินผลความเสี่ยงออกมาเป็นตัวเงิน
-          ใช้ chargeback ในการสร้าง incentive
-          วัดผลโดยเลือกใช้เครื่องมือหลายๆวิธี
-          มีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายๆฝ่ายมาร่วมในการประเมิน ทั้งผู้บริหารฝ่ายต่าง ๆ และบุคคลภายนอกที่เป็น expert

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น